นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้กล่าวถึงภาระหนี้ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยปัจจุบัน กทม. มีภาระหนี้ทั้งหมด 4 ส่วน ได้แก่:

1. หนี้ค่าเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ส่วนที่ 1: จำนวน 11,755 ล้านบาท ซึ่งคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดให้ กทม. และกรุงเทพธนาคม (KT) ร่วมกันชำระภายใน 180 วัน โดยหากจ่ายภายในวันที่ 21 ม.ค. 2568 ยอดหนี้พร้อมดอกเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณ 14,549 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ กทม. ได้นำเรื่องเข้าสภา กทม. เพื่อขออนุมัติใช้เงินสะสมสำหรับชำระหนี้ก้อนนี้แล้ว และคาดว่าจะสามารถชำระได้ตามกำหนด
2. หนี้ O&M ส่วนที่ 2: เกิดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายน 2564 ถึงตุลาคม 2565 คิดเป็นยอดประมาณ 11,811 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลชั้นต้น
3. หนี้ O&M ส่วนที่ 3: เกิดขึ้นระหว่างพฤศจิกายน 2565 ถึงมิถุนายน 2567 มียอดประมาณ 13,513 ล้านบาท หนี้ส่วนนี้ รวมถึงส่วนที่ 2 ยังไม่มีคำพิพากษาออกมา และยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นระหว่าง กทม., KT, และบีทีเอส เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน
4. หนี้ในอนาคต (ส่วนต่อขยายที่ 2): สำหรับเส้นทางแบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งมีการเก็บค่าโดยสารแล้ว แต่ยังไม่ได้จ่ายหนี้ต่อให้กับบีทีเอส โดยจะต้องชำระประมาณ 800 ล้านบาทในวันที่ 20 ของทุกเดือนจนถึงปี 2585 หนี้ก้อนนี้ยังไม่เคยนำเข้าพิจารณาในสภา กทม. จึงต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการเพื่อความถูกต้องและรอบคอบ

นายชัชชาติได้กล่าวว่าเข้าใจและเห็นใจบีทีเอสในฐานะผู้ให้บริการ แต่ต้องบริหารจัดการตามระเบียบของ กทม. เพื่อหาทางออกที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) ก็หวังว่าจะได้รับการชำระหนี้ในเร็ววัน เพื่อพัฒนาบริการต่อไป