ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเมื่อวันจันทร์ (14 เม.ย.) ว่า เขาอาจพิจารณามาตรการช่วยเหลือบริษัทรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าระดับสูง พร้อมระบุว่า บริษัทเหล่านี้ต้องการเวลาในการปรับเปลี่ยนซัพพลายเชนและจะหันกลับมาผลิตในประเทศในท้ายที่สุด

“ผมกำลังดูแนวทางช่วยบริษัทรถยนต์บางรายที่กำลังเปลี่ยนไปใช้ชิ้นส่วนจากแคนาดา เม็กซิโก และที่อื่น ๆ พวกเขาต้องการเวลาสักหน่อย เพราะสุดท้ายก็จะผลิตที่นี่ (สหรัฐฯ)” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office)

รายงานจากสำนักข่าวเกียวโดระบุว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะยอมถอยจากมาตรการภาษีนำเข้า 25% สำหรับรถยนต์ที่ผลิตนอกสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มบังคับใช้เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่น เยอรมนี เกาหลีใต้ ตลอดจนบริษัทสัญชาติอเมริกันเอง

เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ในการยกเว้นภาษีชั่วคราวสำหรับสินค้าบางประเภท ทรัมป์ตอบว่า “ผมเป็นคนยืดหยุ่นนะ ไม่ได้เปลี่ยนใจง่าย ๆ แต่ก็ปรับตัวได้ และจำเป็นต้องเป็นแบบนั้น”

ทรัมป์ยังย้ำว่า เป้าหมายของเขาไม่ใช่การทำร้ายใคร แต่เป็นการนำประเทศไปสู่ความยิ่งใหญ่ในระยะยาว “ผลลัพธ์สุดท้ายคือเราจะไปสู่จุดที่ยิ่งใหญ่สำหรับประเทศของเรา ด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ถ้าเราฉลาดพอ” เขากล่าวทิ้งท้าย

มาตรการภาษีนำเข้าที่เคร่งครัดของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจกระทบห่วงโซ่อุปทานโลกและทำให้ต้นทุนการผลิตพุ่งสูงขึ้น แต่การส่งสัญญาณผ่อนปรนในครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับสมดุลระหว่างนโยบายการค้ากับการคงเสถียรภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศ