ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปิดลบ 22 จุด หรือ -1.5% ที่ระดับ 1,440.46 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวม 41,000 ล้านบาท ปัจจัยหลักที่กดดัชนีมาจากการปรับตัวลงของหุ้น DELTA ซึ่งได้รับผลกระทบจากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ประกาศให้หุ้น DELTA อยู่ภายใต้มาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 (Cash Balance) ระหว่างวันที่ 21 พ.ย. ถึง 11 ธ.ค. 2567 ซึ่งทำให้การซื้อขายของหุ้นนี้ต้องใช้เงินสด 100% ส่งผลให้หุ้น DELTA ปรับตัวลงถึง 16.4%
การปรับตัวลงของ DELTA มีผลกระทบต่อดัชนี SET โดยทุก ๆ 1 บาทที่ DELTA ลดลง จะกระทบดัชนี SET ประมาณ -1 จุด นอกจากนี้ ผลกระทบจากการปรับลดของ DELTA ยังส่งผลลบต่อหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เช่น KCE และ HANA ที่ปรับตัวลดลงตามมา
กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนีวันนี้คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP), กลุ่มขนส่ง (AOT), กลุ่ม ICT (ADVANC), และกลุ่มธนาคาร (SCB, TTB) ส่วนกลุ่มที่กดดันหลัก ๆ คือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA, KCE, HANA) ที่ปรับตัวลงตามทิศทางเดียวกัน.
กรุงศรีหลักทรัพย์ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่เม็ดเงินที่ออกจาก DELTA อาจจะกลับเข้าสู่การลงทุนในหุ้นอื่น ๆ ในระยะสั้น ขึ้นอยู่กับทิศทางของตลาดและการตอบสนองต่อปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น การรายงาน PMI ของสหรัฐและสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน
วันนี้หุ้นบางตัวที่ได้รับความสนใจจากการผันผวนของ DELTA มีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโต:
- BBL (+0.34%): ธนาคารกรุงเทพเป็นหนึ่งในหุ้น Big Cap ที่ได้รับความสนใจจากเม็ดเงินที่อาจหลุดจาก DELTA เนื่องจากอุตสาหกรรมธนาคารกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ทั้งจากสัญญาณการเติบโตของ GDP และมาตรการการแก้หนี้ของรัฐบาล อีกทั้งยังเป็นหุ้น Yield ดีที่น่าสนใจในระยะยาว.
- SCB (+0.44%): ธนาคารไทยพาณิชย์ก็ได้รับการสนับสนุนจากแนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมธนาคารเช่นเดียวกับ BBL โดยมีความแข็งแกร่งจากทั้งปัจจัยพื้นฐานและการสนับสนุนจากมาตรการต่าง ๆ ของรัฐ.
- GULF (+0.79%): GULF ปรับตัวขึ้นหลังจากก้าวเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม Infra Tech ซึ่งถือเป็น New S Curve ของไทยในระยะกลาง โดยบริษัทมองเป็นหุ้น Big Cap ที่มีโอกาสได้รับการสนใจจากเม็ดเงินที่อาจหมุนเข้ามาลงทุนจาก DELTA ในระยะสั้น.
- GPSC (+0.59%): GPSC ก็ได้รับการสนับสนุนจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมพลังงานและเทคโนโลยีอินฟราสตรักเจอร์ ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในระยะยาว.
- ADVANC (+1.42%): แอดวานซ์การสื่อสารได้รับแรงหนุนจากการเติบโตในช่วงฤดูกาล และอุตสาหกรรมที่ยังอยู่ในช่วง Upcycle โดยมีการสนับสนุนจากกระแสของ iPhone 16 ที่คาดว่าจะมีผลบวกต่อยอดขายของ Apple ในไตรมาส 3/2567 และคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องในปี 2568 ด้วย Upside เพิ่มเติมจากต้นทุนที่ลดลงจากการประมูลคลื่นที่ราคาถูกลง.
- SYNEX (+2.55%): SYNEX ปรับตัวขึ้นหลังจากรายได้ในไตรมาส 4/2567 โตต่อเนื่องจากการขาย iPhone 16 และการเติบโตจากสินค้าชนิดอื่น ๆ โดยคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 จากการกลับมาของโครงการภาครัฐ, ตลาดเกมที่มีแนวโน้มเติบโตจาก Nintendo รุ่นใหม่, และธุรกิจซอฟต์แวร์ที่ยังมีแนวโน้มที่ดี.
หุ้นเหล่านี้มีโอกาสที่จะได้รับเม็ดเงินจาก DELTA ที่อาจจะผันผวนในระยะสั้น และถือเป็นทางเลือกในการลงทุนในช่วงนี้.
Cr.ประชาชาติธุรกิจ
———————————————————-
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo