ผวาคนไทย‘แบกหนี้เกินศักยภาพ’‘เครดิตบูโร’ รับห่วงปี 68 ติดบ่วงหนี้เสียลากยาว น่ากังวลสุด “รถ” กำลังถูกยึด 5.4 แสนคัน คิดเป็น “หนี้เสีย” กว่า 1.97 แสนล้าน ในนี้มีรถกระบะจ่อถูกยึด 2.84 แสนคัน
คนไทยติด “กับดักหนี้” คำนี้ไม่เกินจริง เพราะปัญหาหนี้เป็นปัญหาลากยาว มาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 และยิ่งถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤติจากโควิด-19 ยิ่งทำให้ “ปัญหาหนี้” ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

คนไทยจำนวนมากไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรหนี้สินได้ ทั้งจากรายได้ไม่เพียงพอ พฤติกรรมการใช้จ่ายที่เกินตัว ภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น จากสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ล้วนเป็นผลพวงทำให้ “ลูกหนี้” ไม่สามารถหลุดพ้นกับดักหนี้ได้ง่ายๆ
“สุรพล โอภาสเสถียร” ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ “เครดิตบูโร” ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่านรายการ Money Club “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ในช่วงที่ผ่านมา ได้ฉายภาพ “สถานการณ์หนี้ครัวเรือนของไทย” ในปัจจุบันแม้ในภาพใหญ่ “หนี้ครัวเรือนไทย” ที่จำนวน 16.3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 89.6% ต่อจีดีพีไทย “จะลดลง”

แต่ปัญหาหนี้ของ “คนไทย” ไม่ได้ลดลงเลย หากแต่ยิ่งเพิ่มขึ้น เพราะการลดลงของหนี้ครัวเรือนไทย หลักๆ มาจากการขยายตัวของ “เศรษฐกิจไทย” ที่สูงขึ้นเป็นหลัก แต่ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยยังอยู่ที่เดิม!
และวันนี้ ปัญหาใหญ่ที่ครัวเรือนไทยกำลังเผชิญคือ กำลัง “แบกหนี้เกินศักยภาพ” หรือมีหนี้เกินศักยภาพของการชำระหนี้ มีหนี้เกินกว่ารายได้ที่หามาได้ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก

หากดูเฉพาะข้อมูลที่เก็บจากสมาชิกในเครดิตบูโรปัจจุบันอยู่ที่ 13.6 ล้านล้านบาท ครอบคลุมสถาบันการเงิน นอนแบงก์ นาโนไฟแนนซ์ ฟิโก้ไฟแนนซ์ ฯลฯ อยู่ราว 157-158 แห่งทั่วประเทศ

และมีส่วนที่ไม่เก็บในเครดิตบูโรอีก 2.3 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ ในนี้ราว 8 แสนล้านบาท เป็นหนี้ที่ปล่อยให้กับครู และบุคลากรการศึกษา ไม่เท่านั้นครู และบุคคลากรการศึกษา ยังมีหนี้ที่อยู่ในเครดิตบูโรอีก 6 แสนล้านบาท เบ็ดเสร็จ 1 อาชีพ มีหนี้สูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่นำมาสู่อาการที่เรียกว่า “มีหนี้เกินศักยภาพ”

จากข้อมูลสินเชื่อที่อยู่บนเครดิตบูโรทั้งหมด ที่ 13.6 ล้านล้านบาท พบว่าขยายตัวเพียง 0.2% ในเดือนต.ค. หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน สะท้อนว่าปัจจุบันอยู่ในภาวะที่ สินเชื่อไม่โต วิ่งช้า แบงก์เข้มงวดในการปล่อยเชื่อ คนไม่มีรายได้เอาไปจ่ายหนี้ ทุกอย่างอยู่ในอาการเหมือนคน “เมาค้าง”

ที่น่าห่วง พบว่าจากสินเชื่อทั้งระบบในเครดิตบูโรที่ 13.6 ล้านล้านบาท ในนี้กลายเป็นหนี้เสีย หรือค้างชำระเกิน 90 วันแล้ว คิดเป็น 1.2 ล้านล้านบาท หากคิดเป็นบัญชี คนที่เป็นหนี้เสียแล้ว 5 ล้านคน จากลูกหนี้ทั้งหมดในระบบเครดิตบูโรที่มี 33 ล้านลูกหนี้

ลงลึกไปกว่านั้น พบว่า ใน 1.2 ล้านล้านบาท ที่เป็นหนี้เสีย มาจาก หนี้บ้าน 2.3 แสนล้านบาท หนี้รถ 2.6 แสนล้านบาท หนี้บัตรเครดิต 7 หมื่นล้านบาท สินเชื่อส่วนบุคคลอีก 2.78 แสนล้านบาท และพบว่าสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์อีก 1 หมื่นล้านบาทที่จ่ายหนี้ไม่ได้

“ถามว่าจากภาพเหล่านี้ ต้องซีเรียสหรือไม่ “ซีเรียส” เพราะวันนี้ เรากำลังอยู่กับปัญหาหนี้ ปัญหาหนี้เสียที่ไม่เคยหยุดกับที่มีแต่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2566 เป็นต้นมา ที่หนี้เสียอยู่เพียงกว่า 7% ของหนี้ทั้งระบบในเครดิตบูโร จน ณ ไตรมาส 3 ปี 2567 หนี้เสียทะยานขึ้นมาเป็น 8.8% ของ 13.6 ล้านล้านบาท”

ดังนั้น ภายใต้การพยากรณ์ของ “เครดิตบูโร” คาดว่า หนี้เสียเหล่านี้จะวิ่งไปสู่ “1.4 ล้านล้านบาท” หรือเพิ่มขึ้นอีก “2 แสนล้านบาท” ในระยะข้างหน้า

เพราะภายใต้การคาดการณ์ของ “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” คาดการณ์ว่า สินเชื่อทั้งระบบจะเติบโตได้เพียง 0.6% เท่านั้น จากปีนี้ที่คาดติดลบ 1.8 % ซึ่งการติดลบดังกล่าวเป็นการติดลบในรอบ 15 ปี เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงอาการของ “เศรษฐกิจไทยโตต่ำ”

“วันนี้ ผู้คนมีหนี้เกินศักยภาพ บางคนจ่ายได้แต่ดอกเบี้ย บางคนอาจมีหนี้ที่กำลังจะเสีย บางคนกลายเป็นหนี้ที่เสียไปแล้ว หากใครค้างหนี้รถเกิน 3 งวด ก็กำลังจะถูกยึดรถ บ้านก็มีสต็อกค้าง จากเงินที่ไม่เกิดการหมุนในระบบ รถก็ขายไม่ได้ เพราะแบงก์ไม่กล้าปล่อยกู้ เพราะห่วงคนเป็นหนี้เสีย รถยึดเต็มลานไปหมด เหล่านี้คือคือสภาวะ “อึดอัด” ในเวลานี้”

น่าห่วงคือ สินเชื่อรถ ปัจจุบันเป็นหนี้เสียแล้ว 2.6 แสนล้านบาท หรือมีบัญชีที่เป็นหนี้เสียแล้ว 8.36 แสนคัน และที่เป็น SM กำลังจะถูกยึดรถอีก 5.37 แสนคัน หรือคิดเป็นสินเชื่อ 1.97 แสนล้านบาท ที่อาการยังน่าห่วงมาก

ที่น่าห่วงสุดคือ รถที่คนใช้ทำมาหากินคือรถ ปิกอัพ รถกระบะ ที่วันนี้พบว่า ใน 100 คันที่ปล่อยกู้ เป็นรถปิกอัพถึง 43 คัน และใน 100 คัน ที่เป็นหนี้เสีย 52 คันเป็นรถปิกอัพ วันนี้สินเชื่อที่ปล่อยรถยนต์ทั้งหมดมี 6.6 ล้านคัน ในนี้ 43% เป็นรถปิกอัพ

วันนี้ !! รถปิกอัพที่ปล่อยสินเชื่อไปแล้วมีทั้งหมด 2.9 ล้านคนในนี้ เป็นหนี้ปกติ 2.1 ล้านคัน และที่ค้างชำระ กำลังจะถูกยึดรถ 2.84 แสนคันบัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 1 แสนล้านบาท คิดเป็น 51.4% ของสินเชื่อรถยนต์ทั้งหมด

ในนี้ เป็นหนี้เสียแล้ว 4.71 แสนคัน หรือ 1.51 แสนล้าบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากเดือนก่อนหน้านี้ และเพิ่มขึ้น 27.5% จากปีก่อน และยังมีหนี้ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้อีก 6.6 หมื่นคัน คิดเป็นสินเชื่อ 2.6 หมื่นล้านบาท หรือ 56 % สินเชื่อรถทั้งหมด

“สุรพล” ฉายภาพต่อว่า ภาพทั้งหมดนี้ ก็ไม่ได้ร้ายทั้งหมดไปซะทีเดียว เพราะล่าสุด มีที่ภาครัฐ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสถาบันการเงิน ร่วมกันออกคือโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่มองว่า จะมีส่วนช่วยให้คุณภาพหนี้ปี 2568 ดูดีขึ้น โดยเฉพาะ จะเข้ามาเป็นส่วนลดถอน พยุงปัญหาหนี้ ช่วยคนที่กำลังเป็นแผลสด ไม่ให้ไหลไปเป็น “หนี้เสีย” มากขึ้น

ดังนั้น หวังว่าโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” จะมีส่วนช่วยไม่ให้หนี้เสียที่คาดว่าจะเพิ่มอีก 2 แสนล้านบาท ไปสู่ 1.4 ล้านล้านบาท เหมือนที่คาดไว้ตั้งแต่แรก ทำให้หนี้เสียในระยะข้างหน้าอาจทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1-1.2 ล้านล้านบาทต่อไปในปี 2568

“เราหวังว่าโครงการภาครัฐ คุณสู้เราช่วย จะช่วยทำให้คนที่กำลังไม่ไหว ไม่เป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น ทำให้หนี้เสียไม่ไปที่ 1.4 ล้านล้านบาทเหมือนที่คิดไว้ตั้งแต่ตอนแรก แต่แม้ว่าหนี้จะไม่ไหลไปเพิ่มเติม ช่วยคนที่เข้าข่ายกว่า 1 ล้านบัญชีให้ได้รับการช่วยเหลือ อย่างน้อยคนที่อึดอัด หรือจ่ายหนี้เกินศักยภาพ หากไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ภาระหนี้ก็จะลดได้เยอะ”

สุดท้ายแล้ว เขามองว่าการแก้ไขปัญหาหนี้นั้น นอกจากการมีรายได้เข้ามาจ่ายหนี้แล้ว ลูกหนี้ก็มีส่วนในการทำให้หนี้ลดลง และป้องกันหนี้ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่นการประเมินตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นมีรายได้ 30,000 บาท หากต้องจ่ายหนี้ 15,000 บาท เหลือเพียง 50% การเติมหนี้ใหม่เข้าทำให้ชีวิตหลังจากนี้ยิ่งยากขึ้น

ดังนั้น อย่าหาหนี้เข้ามาอีก เอาตัวรอดให้ได้ เพราะภายใต้เศรษฐกิจปี 2568 ยังเต็มไปด้วย “ความท้าทาย” อย่างมาก ครึ่งปีแรกสภาพหนี้อาจไม่ได้แย่ไปกว่าเดิม บนเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่ครึ่งปีหลังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และหนี้ครัวเรือนก็อาจไม่ได้ลดลงรวดเร็ว เหมือนที่ใจอยากเห็นแน่ๆ

คลิก

Cr.กรุงเทพธุรกิจ

———————————————————-

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo