การเดินทางไปนอกโลกของมนุษย์เรานั้นกำลังจะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่เทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังทำให้ต้นทุนในการสร้างยานอวกาศถูกลงเรื่อย ๆ อีกทั้งกลุ่มธุรกิจอวกาศนี้ก็กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ยิ่งมีเงินลงทุนไหลเข้าไปเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ช่วงนี้สนามการแข่งขันธุรกิจอวกาศส่วนมากยังคงปิดให้เป็น โอกาสของกลุ่มมหาเศรษฐี ระดับต้น ๆ ของโลกเท่านั้น (อย่างที่ Chamath เคยบอกไว้ว่าธุรกิจกลุ่ม Private Equity เหล่านี้จะไม่เปิดให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้ง่ายๆ ต้องเป็นนายทุนระดับต้นๆของโลกเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสเข้าลงทุน) แต่ก็ไม่ใช่ว่าโอกาสของรายย่อยอย่างพวกเราจะไม่มีเสมอไปเดี๋ยวแอดจะเล่าให้ฟังว่าเราพอจะมีวิธีการลงทุนได้อย่างไรบ้าง
3 สัญญาณสำคัญว่าธุรกิจอวกาศกำลังร้อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
1. บริษัท SpaceX ของ Elon Musk เพิ่งเพิ่มทุนไปได้สำเร็จจนทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่า !
ในอาทิตย์ที่ผ่านมาบริษัท SpaceX ระดมทุนเพิ่มอีกรอบได้สำเร็จที่ 850 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มูลค่ารวมของบริษัทพุ่งไปเป็น 7.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่ามูลค่าในรอบก่อนหน้านี้ที่ 4.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐถึงเกือบ 2 เท่า
เป้าหมายในการระดมทุนในครั้งนี้คือการนำเงินมาพัฒนา 2 โครงการหลักอย่าง Star Link ธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำ และ Starship ธุรกิจที่มุ่งเน้นการผลิตยานอวกาศที่เสมือนกับเครื่องบินพาณิชย์ ให้มนุษย์เราทุกคนสามารถบินขึ้นอวกาศได้ (ที่ Elon ตั้งเป้าว่าจะส่งคนไปดาวอังคารและไปสร้างอาณานิคมให้ได้ภายในปี 2024)
ต้องบอกตามตรงว่ามูลค่าบริษัท SpaceX ตอนนี้นั้นยังถือว่าถูกมากๆ เพราะว่า SpaceX นั้นถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจอวกาศตอนนี้อย่างเห็นได้ชัด กลุ่มมหาเศรษฐีที่เพิ่งมีโอกาสได้เข้าลงทุนใน SpaceX รอบล่าสุดนั้นจึงถือว่าโชคดีมากๆ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ Elon พร้อมจะนำ SpaceX เข้าตลาดนั้น เชื่อว่ามูลค่าของบริษัทนั้นคงเพิ่มขึ้นไปอีกหลาย 10 เท่า เพราะนักวิเคราะห์หลายฝ่ายประเมินมูลค่าบริษัทไว้อยู่ในหลักแสนล้านเหรียญเข้าไปแล้ว
Elon Musk ได้โปรดปล่อยให้ SpaceX ออกตลาดมาถึงรายย่อยอย่างพวกเราเร็วๆด้วยนะครัช !
2. ที่ Jeff Bezos กำลังออกจาก Amazon นั้น แท้จริงแล้วเพื่อไปใช้เวลาพัฒนาบริษัท Blue Origin ให้มากขึ้น !
หลายท่านอาจจะได้ยินมาแล้วว่า ทาง Jeff Bezos ประกาศที่จะลงจากตำแหน่ง CEO ของ Amazon ในไตรมาสที่ 3 นี้ และจะปล่อยให้มือขวาอย่าง Andy Jassy เข้ามาบริหารธุรกิจแทน
ถึงแม้ข่าวหลักๆที่ออกมานั้นคือทาง Jeff จะไปใช้เวลากับโครงการต่างๆที่เขาตั้งมามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานเพื่อสังคม งานที่ดูแลด้านสิ่งแวดล้อมและช่วยเหลือคนยากจน และสิ่งที่เขาอยากทำอื่นๆให้มากขึ้น (ตลาดว่ากันว่าสิ่งที่ Jeff อยากทำอื่นๆก็คือการส่งยานอวกาศของ Blue Origin ออกไปนอกโลกให้ได้นี่ล่ะ !)
ทาง Jeff กับ Elon นั้นกำลังเบียดแย่งตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับที่ 1 ของโลกกันอย่างดุเดือด ทั้งสองต่างเป็นนักธุรกิจอันดับต้นๆของโลกที่รู้ดีกว่า #ธุรกิจอวกาศ นี่แหละที่จะเป็นตัวตัดสินผู้นำของโลกที่แท้จริงในอนาคต
ซึ่งตอนนี้ต้องบอกเลยว่าผลงานของ Blue Origin นั้นยังตามหลัง SpaceX อยู่ไกลมากๆ ไม่เพียงแค่ทาง Blue Origin ยังไม่สามารถปล่อยยานออกไปนอกอวกาศได้สำเร็จ ทาง SpaceX นั้นกลับไปไกลถึงขึ้นนำยานออกบินและกลับมาลงจอดใหม่ได้อย่างปลอดภัยแล้วด้วย !
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ Jeff Bezos ถึงกับต้องสละยานแม่อย่าง Amazon ลงมาช่วยดูแลบริษัท Blue Origin อย่างเต็มตัว และทำให้ในช่วง 10 ปีข้างหน้านี้เราคงจะได้เห็นการแข่งขันที่ดุเดือดแน่ๆ
3. อีกเพียงเดือนเดียว Cathie Wood และ ARK Invest ก็เตรียมออกกองทุน ETF ใหม่ที่จะพานักลงทุนไปตะลุยอวกาศกันแล้ว !
ถึงแม้นักลงทุนรายย่อยจะยังไม่มีโอกาสลงทุนในบริษัทอย่าง SpaceX หรือ Blue Origin ได้ แต่พวกเราก็ไม่ถึงกับจะไม่มีโอกาสลงทุนอื่นๆ เพราะเมื่อต้นเดือนมกราคม ทาง Ark Invest ได้ประกาศว่าพวกเขากำลังจะออก ETF กองใหม่ที่ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับอวกาศที่ชื่อว่า ARKX
จากที่ได้ยินอัพเดทล่าสุด เชื่อว่ากองทุนนี้จะออกมาให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าลงทุนได้ภายในเดือนเมษยนของปีนี้ ถึงแม้ว่าเราต้องยอมรับว่า SpaceX นั้นเป็นผู้นำตลาดที่แท้จริง แต่พวกเราคงต้องหวังว่า Cathie Wood และทีมจะสามารถเลือกหุ้นอวกาศดีๆตัวอื่นๆมาให้พวกเราร่วมลงทุนในระยะยาวไปด้วยกันได้
ธุรกิจอวกาศจะน่าลงทุนจริงหรือไม่ ?
อย่างแรกคงต้องขึ้นอยู่กับมุมมองของโลกในอนาคตของทุกท่านก่อน ถ้าท่านมองว่าโลกเราคงยังใช้ชีวิตกันบนโลกนี้เหมือนเดิมในอีก 30-40 ปีข้างหน้า การลงทุนในหมวดธุรกิจยานอวกาศคงไม่น่าสนใจ
แต่ถ้าท่านคิดว่าโลกเราจะกลายเป็นเหมือนในหนังเรื่อง Space Sweepers (ภาพยนตร์ไซไฟอวกาศจากเกาหลีใต้ใน Netflex ที่มี #ซงจุงกิ สามีแห่งชาติเป็นผู้นำแสดง) การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ก็น่าสนใจมากในระยะยาว
ถึงแม้ในช่วงสั้นๆธุรกิจเหล่านี้จะยังไม่สามารถทำรายได้ออกมาได้ แต่เมื่อไหร่ที่มีใครสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำและสามารถขยายและเสกลธุรกิจได้จริง มูลค่าบริษัทของพวกเขาจะนำก้าวกระโดดบริษัทอื่นๆขึ้นไปอย่างแน่นอน และในเวลานี้ถ้าใครพร้อมถือความเสี่ยงระยะยาว ก็ยังถือว่าเป็นนักลงทุนรุ่นแรกๆในกลุ่มธุรกิจอวกาศอย่างแน่นอน 🚀
ขอบคุณข้อมูลจาก : ทันโลกกับ Trader KP