• Aetos Bonus 50000
หน้าแรกไม่มีหมวดหมู่ค่าเงินบาทวันนี้ 16 ส.ค.67 ‘อ่อนค่า‘ ตลาดคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐชะลอ

ค่าเงินบาทวันนี้ 16 ส.ค.67 ‘อ่อนค่า‘ ตลาดคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐชะลอ

ในวันนี้ (16 ส.ค. 67) ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ 35.09 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งถือว่ามีแนวโน้ม “อ่อนค่า” ขึ้นจากวันก่อนหน้า ทาง “กรุงไทย” รายงานว่า ดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่า เนื่องจากตลาดเริ่มคลายกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจชะลอตัวลง และมีการซื้อทองคำที่ลดลงในช่วงนี้ นอกจากนี้ยังมีการจับตามองผลการโหวตนายกรัฐมนตรีด้วย

กรอบค่าเงินบาทที่คาดการณ์ไว้ในวันนี้คือ 34.95-35.20 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนจาก Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทในวันนี้ว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 35.09 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ 34.97 บาทต่อดอลลาร์ โดยคาดว่ากรอบเงินบาทวันนี้จะอยู่ระหว่าง 34.95-35.20 บาทต่อดอลลาร์

เขาอธิบายว่า ค่าเงินบาทมีความผันผวนในช่วงค่ำที่ผ่านมา โดยเคยแข็งค่าในช่วงแถว 34.90 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนที่จะอ่อนค่าลงอีกครั้งและทะลุโซนแนวต้าน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ (มีการเคลื่อนไหวในช่วง 34.91-35.21 บาทต่อดอลลาร์) การแข็งค่าของดอลลาร์เกิดจากการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ยอดค้าปลีกและยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานออกมาดีกว่าคาด ซึ่งทำให้ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และลดความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยของเฟด

นอกจากนี้ ค่าเงินบาทยังได้รับแรงกดดันจากการเคลื่อนไหวของโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำที่ลดลง เนื่องจากราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวลงกว่า -30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามการปรับมุมมองของตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด

แนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงนี้มีความผันผวน โดยมีการอ่อนค่าลงจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการลดลงของราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของเงินบาทอาจดำเนินต่อเนื่องได้หากเงินบาทสามารถทะลุโซนแนวต้าน 35.15-35.20 บาทต่อดอลลาร์ได้อย่างชัดเจน

ในเชิงเทคนิคัล คาดว่าค่าเงินบาทจะผันผวนต่อไปจนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา เช่น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะในงานสัมมนาประจำปีของเฟดที่เมือง Jackson Hole ซึ่งอาจทำให้ตลาดคาดหวังว่าเฟดจะไม่เร่งลดดอกเบี้ยในปีนี้ และอาจลดดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำกว่าคาดการณ์ เช่น -75bps หรือแม้แต่น้อยกว่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจทวีความรุนแรง ซึ่งอาจกระทบต่อค่าเงินบาทโดยตรงหรือทางอ้อม โดยเฉพาะหากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ในขณะเดียวกันสถานการณ์การเมืองไทยที่ยังคงมีความไม่แน่นอนอาจเป็นอีกปัจจัยที่ต้องติดตาม

การจับตาปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้สามารถประเมินแนวโน้มค่าเงินบาทในอนาคตได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

แนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงนี้ยังมีความผันผวนอยู่ โดยปัจจัยที่สำคัญจะมาจากการเมืองไทยและปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่น ๆ:

  1. สถานการณ์การเมืองไทย: มีความเป็นไปได้สูงว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลจะสามารถโหวตให้แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดไปได้สำเร็จ ซึ่งจะช่วยลดความไม่แน่นอนทางการเมืองและอาจทำให้ตลาดการเงินไทยกลับสู่ภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) อีกครั้ง การคลายกังวลดังกล่าวอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทย ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่า
  2. กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาท: หากเงินบาทสามารถทะลุโซนแนวต้านที่ระดับ 35.15-35.20 บาทต่อดอลลาร์ได้ชัดเจน อาจมีแนวต้านถัดไปที่ 35.30 บาทและ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่แนวรับในช่วงนี้คือ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ และแนวรับถัดไปที่ 34.85 บาทต่อดอลลาร์
  3. ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อค่าเงินบาท:
    • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ: หากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด เช่น ยอดค้าปลีกและยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน อาจทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและส่งผลต่อค่าเงินบาท
    • สถานการณ์ทางการเงินโลก: การเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ และการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจมีผลกระทบต่อค่าเงินบาท
    • ราคาทองคำ: การลดลงของราคาทองคำอาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง แต่หากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอาจช่วยหนุนค่าเงินบาทได้
  4. แนวทางกลยุทธ์การลงทุน: การใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงด้วยเครื่องมือเช่น Options หรือการใช้สกุลเงินท้องถิ่นสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
  5. ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น:
    • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสูงขึ้นเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ดี
    • ตลาดหุ้นยุโรป: ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากผลประกอบการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปและภาวะเปิดรับความเสี่ยง
  6. ตลาดบอนด์และเงินดอลลาร์:
    • บอนด์ยีลด์: ปรับตัวขึ้นเนื่องจากการลดความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยของเฟด
    • เงินดอลลาร์: แข็งค่าขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดี แต่มีการย่อตัวบ้างตามภาวะเปิดรับความเสี่ยง
  7. สิ่งที่ต้องติดตาม:
    • อังกฤษ: รายงานยอดค้าปลีกเดือนกรกฎาคม
    • สหรัฐฯ: รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนสิงหาคม
    • ไทย: การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 จะมีผลสำคัญต่อบรรยากาศในตลาดการเงินไทย

การติดตามปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้สามารถประเมินแนวโน้มของค่าเงินบาทและทำกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

คลิก

Cr.กรุงเทพธุรกิจ

———————————————————-

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo

REVIEW OVERVIEW

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_imgspot_imgspot_imgspot_img
[td_block_1 custom_title="Review Brokers" limit="4" f_header_font_transform="uppercase" ajax_pagination="next_prev" m4_el="10" category_id="101" sort="oldest_posts"][td_block_1 custom_title="Last Post" limit="4" f_header_font_transform="uppercase" ajax_pagination="next_prev" m4_el="10"]