ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐเตรียมที่จะประกาศมาตรการภาษีรอบแรกในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ส่งผลให้รัฐบาลและธุรกิจต่างประเทศพากันเร่งหลีกเลี่ยงภาษีที่อาจเกิดขึ้นและเตรียมตอบโต้
ประเดิมเป้าหมายคือ แคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้ารายใหญ่ที่สุด 2 รายของสหรัฐ ทรัมป์ได้ให้คำมั่นว่าจะขึ้นภาษี 25% สำหรับสินค้ามูลค่ารวมประมาณ 9 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 30 ล้านล้านบาท) จากทั้งสองประเทศ ซึ่งต่างเกินดุลการค้ากับสหรัฐมานาน และเมื่อ 30 มกราคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการตามกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ แม้ว่าประธานาธิบดีผู้เอาแน่เอานอนไม่ได้ อาจเปลี่ยนใจภายหลังก็ตาม ถึงกระนั้นก็ตาม คำถามคือ เรารู้อะไรบ้างแล้ว
ตามรายงานการรวบรวมข้อมูลของบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ระบุว่า ขอบเขตของภาษียังคงไม่ชัดเจน เพราะทรัมป์ปฏิเสธที่จะบอกว่าภาษีดังกล่าวจะใช้กับการนำเข้าน้ำมัน สินค้าที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ จากแคนาดาหรือไม่
ผลกระทบระยะแรก
บริษัทบางแห่งกำลังพยายามกักตุนสินค้าในสหรัฐก่อนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีใด ๆ โรดริโก วิลเลกัส ซีอีโอของ Suass Group ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางการเมืองที่ตั้งอยู่ในเม็กซิโก กล่าวและระบุอีกว่า ในขณะที่บริษัทอื่น ๆ ยังไม่พร้อมสำหรับการกักตุนสินค้า เช่น ผู้ส่งออกสินค้าเกษตรที่จัดส่งอาหารที่เน่าเสียง่าย
เจ้าของธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหวังว่าความต้องการสินค้าของสหรัฐจะช่วยบรรเทาแผนภาษีของทรัมป์ในระยะยาว เม็กซิโกเป็นผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่ แคนาดาเป็นแหล่งน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดสำหรับสหรัฐ และทั้งสองประเทศต่างก็เป็นส่วนสำคัญของภาคยานยนต์
แม้ว่าสหรัฐจะเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่โรงกลั่นน้ำมันในแถบมิดเวสต์ยังคงพึ่งพาแคนาดาในการผลิตน้ำมันดิบมากถึง 3 ใน 4 ซึ่งบริษัทโรงกลั่นน้ำมันวาเลโร เอเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น ( Valero Energy Corp.) กล่าวว่า ภาคส่วนนี้จะลดการผลิตน้ำมันเบนซินหากภาษีใหม่ส่งผลกระทบต่อน้ำมันดิบของแคนาดา หลายกลุ่มธุรกิจของรัฐโอไฮโอได้ยื่นคำร้องในนาทีสุดท้ายต่ออดีตวุฒิสมาชิกรัฐบ้านเกิดของพวกเขา ซึ่งปัจจุบันเป็นรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ ให้เข้ามาแทรกแซงเพื่อหยุดภาษี
ผลกระทบต่อสหรัฐ
สถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ (Peterson Institute for International Economics) พบว่าภาษีนำเข้า 25% กับเม็กซิโกและแคนาดาจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงของสหรัฐลดลงประมาณ 200,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 6.7 ล้านล้านบาท) ภายในสิ้นรัฐบาลทรัมป์
ข้อเสนอของทรัมป์ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% กับแคนาดาและเม็กซิโกนั้นเชื่อมโยงกับปัญหาชายแดน สหรัฐกำลังเฝ้าจับตา ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการเพียงพอแล้วหรือไม่
แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวเคยอ้างถึงการดำเนินการของจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาว่า เป็นการกระทำเชิงบวก ซึ่งรวมถึงการใช้เฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กเพื่อติดตามพื้นที่ชายแดนที่มีความยาว 5,500 ไมล์ (ราว 8,550 กิโลเมตร) และเพิ่มการยึดเฟนทานิล สารตั้งต้นยาเสพติดที่ทรัมป์ระบุว่า แคนาดาและเม็กซิโกปล่อยให้เข้ามาในสหรัฐ ทรัมป์รู้สึกยินดีที่เม็กซิโกยอมรับเที่ยวบินเนรเทศผู้อพยพ
แผนแคนาดา
แคนาดามีแผนที่จะตอบโต้ภาษีศุลกากรสินค้าที่ได้รับความนิยม อย่างรวดเร็ว เช่น กาแฟจากหลุยเซียนาและเบอร์เบินจากเคนตักกี้ ซึ่งคล้ายคลึงกับที่แคนาดาตอบโต้ในปี 2018 เมื่อทรัมป์เก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้า
เจ้าหน้าที่ของทรูโดได้ร่างรายการสินค้าเป้าหมายของสหรัฐที่แคนาดาอาจตอบโต้มูลค่ารวมกันประมาณ 105,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.5 ล้านล้านบาท) หากสงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งรวมถึงเหล็กและอะลูมิเนียม
นายกรัฐมนตรีทรูโดได้พิจารณาทางเลือกที่รุนแรงยิ่งขึ้น รวมถึงภาษีส่งออกสินค้าเชิงยุทธศาสตร์ เช่น น้ำมันและยูเรเนียม
แผนเม็กซิโก
แผนของภาครัฐ คลอเดีย เชนบาม ปาร์โด ประธานาธิบดีเม็กซิโกไม่ระบุรายละเอียดของแผนแต่ระบุว่า มีแผนรองรับไว้อย่างแน่นอน
สำหรับในส่วนของเอกชน นายคอร์เค กอนซาเลซ เฮนริกเซ่น ซีอีโอร่วมของเดอะ เนียร์ชอร์ คอมปะนี (The Nearshore Company) ซึ่งช่วยเหลือบริษัทในสหรัฐที่ผลิตสินค้าในเม็กซิโกให้ข้อมูลว่า ธุรกิจหลายแห่งที่มีการดำเนินการในเม็กซิโกตัดสินใจที่จะยังไม่ดำเนินการใด ๆ จนกว่าจะมีการประกาศการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของทรัมป์ออกมาก่อน
นักเศรษฐศาสตร์ว่าอย่างไร
เดวิด ซีฟ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำตลาดประเทศพัฒนาแล้วของบริษัทโนมูระ (Nomura) กล่าวว่า แม้ว่าภาษีศุลกากรอาจมีผลบังคับใช้ในระยะสั้น แต่ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแคนาดาและเม็กซิโก แต่แนวทางนโยบายการค้าก็ชัดเจน ทำให้คาดว่าทรัมป์จะจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นในปีนี้ และอัตราภาษีศุลกากรเฉลี่ยสำหรับสินค้าที่นำเข้าสู่สหรัฐจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2025 นี้
นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าสงครามการค้าจะทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตในสหรัฐที่พึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าพุ่งสูงขึ้น และราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภคพุ่งสูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจของเม็กซิโกหดตัวในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 เนื่องจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
“การเพิ่มภาษีศุลกากรดังกล่าวอาจกระตุ้นให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้าครั้งใหญ่ คาดว่าการนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกของสหรัฐอาจลดลงเกือบ 70% และต่อเมื่อเศรษฐกิจปรับตัวเข้ากับเงื่อนไขใหม่ได้อย่างเต็มที่ การนำเข้าของสหรัฐจากส่วนอื่น ๆ ของโลกจะเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยการลดลงบางส่วนได้ โดยเศรษฐกิจของเอเชียเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้เปรียบ
มันกำลังกลายเป็นการทดสอบครั้งสำคัญครั้งแรกว่าทรัมป์จะสามารถใช้ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสหรัฐ เพื่อปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทาน ลดการขาดดุลการค้า และตอบโต้เอาคืนผู้ที่เขามองว่ากำลังฉ้อโกงสหรัฐ ได้หรือไม่
การขู่เล่นงานมากกว่ากฎเหล็ก เจ้าหน้าที่ต่างชาติบางคนมองว่าคำขู่ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์เป็นการเล่นงานมากกว่าจะเป็นการผูกมัดอย่างแน่วแน่ เห็นได้จากตัวอย่างการปะทะกับโคลอมเบียเกี่ยวกับเที่ยวบินส่งตัวผู้อพยพกลับประเทศ ซึ่งสุดท้ายทรัมป์ก็ยอมถอยเรื่องภาษีลง ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าการต่อรองในประเด็นที่ทรัมป์สนใจ สามารถชะลอการขึ้นภาษีใหม่ได้
Cr.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
———————————————————-
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo