บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและไทยในปี 2568 โดยระบุว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางในประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศยูโรโซน รวมถึงการเร่งลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ท่ามกลางการแข่งขันทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจจีนคาดว่าจะขยายตัวชะลอลงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนยังคงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อพยุงการเติบโต
ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2568 จะขยายตัวที่ระดับ 3.3% โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐฯ และจีน ตลอดจนปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ อาทิ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อ
แนวโน้มตลาดพลังงานและปิโตรเคมี
รายงานจาก S&P Global ณ เดือนมกราคม 2568 ระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันของโลกในปี 2568 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน (MMBD) สู่ระดับ 106.1 MMBD ตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันจากกลุ่ม Non-OPEC โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบในปี 2568 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 71-81 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ค่าการกลั่นอ้างอิงสิงคโปร์คาดว่าจะอยู่ที่ 3.8-4.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ในส่วนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ราคาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจากปี 2567 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบและแนฟทาลดลง รวมถึงอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากจีนและเอเชียเหนือ
- โอเลฟินส์: ราคาผลิตภัณฑ์ HDPE และ PP คาดว่าจะอยู่ในช่วง 928-1,028 เหรียญสหรัฐต่อตัน และ 964-1,064 เหรียญสหรัฐต่อตัน ตามลำดับ โดยมีแรงกดดันจากกำลังการผลิตใหม่ของโรงงาน Shandong Yulong ในจีนและ Long Son ในเวียดนาม
- อะโรเมติกส์: ราคาผลิตภัณฑ์ BZ และ PX คาดว่าจะอยู่ในช่วง 830-950 เหรียญสหรัฐต่อตัน ตามต้นทุนน้ำมันดิบและแนฟทาที่ลดลงเล็กน้อย รวมถึงความกังวลต่อสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน
- โพรเพน: คาดว่าราคาโพรเพนจะลดลงอยู่ในช่วง 520-620 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากอุปสงค์ในภาคปิโตรเคมียังคงซบเซาและการนำเข้า LPG ล่วงหน้าของอินเดียที่มีปริมาณสูง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ตึงตัวในตะวันออกกลางและสภาพอากาศหนาวจัดในสหรัฐฯ
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568
เศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวจากปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นตามอุปสงค์การท่องเที่ยวโลก นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงครึ่งปีแรก เช่น โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 และ 3 จะช่วยเสริมการเติบโต
ในด้านการส่งออก คาดว่าจะขยายตัวตามวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลก อย่างไรก็ตาม ต้องจับตานโยบายเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทย ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามความคืบหน้าของโครงการลงทุนภาครัฐและเอกชน (PPP) และมูลค่าโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุน อย่างไรก็ตาม ภาคการผลิตที่ยังอ่อนแออาจเป็นปัจจัยจำกัดการขยายตัว
นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ นโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบต่อการค้าโลก อัตราเงินเฟ้อที่อาจเร่งตัวขึ้น และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจรุนแรงขึ้น โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวที่ระดับ 3.0%
PTT ยังคงติดตามปัจจัยเสี่ยงและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาพตลาดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีของบริษัทต่อไป
Cr.สำนักข่าวอินโฟเควสท์
———————————————————-
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo