• Aetos Bonus 50000
หน้าแรกไม่มีหมวดหมู่แนวโน้มที่เศรษฐกิจโลกปีนี้จะเข้าสู่ภาวะถดถอย

แนวโน้มที่เศรษฐกิจโลกปีนี้จะเข้าสู่ภาวะถดถอย

เข้าใจเศรษฐกิจโลกปีนี้ว่าจะแย่แค่ไหน แนวโน้มที่เศรษฐกิจโลกปีนี้จะเข้าสู่ภาวะถดถอย มีการวิเคราะห์กันมากทั้งในต่างประเทศและบ้านเรา ว่าจะแย่หรือรุนแรงแค่ไหน ซึ่งความเห็นที่ออกมามีตั้งแต่จะเป็นการชะลอตัวชั่วคราว ไม่ใช่ภาวะถดถอย ไปจนถึงจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจการเงินโลกที่รุนแรง บางความเห็น ทำให้นักลงทุนตกใจจนอยากจะปรับพอร์ตการลงทุนของตน
ความเห็นที่แตกต่างเหล่านี้สะท้อนความไม่แน่นอนที่มีมากในเศรษฐกิจโลกขณะนี้ที่ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม้แต่ผู้กำหนดนโยบาย ในสถานการณ์เช่นนี้ เราจึงควรพึ่งตนเอง ยึด ข้อเท็จจริงและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ต่างๆ อย่างมีเหตุมีผล นี่คือประเด็นที่จะเขียนวันนี้
ขอเริ่มด้วยข้อเท็จจริงสามเรื่องที่จะเป็นจุดตั้งต้นที่ดีในการวิเคราะห์หรือเข้าใจเศรษฐกิจโลกปีนี้
ข้อเท็จจริงแรก เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอและคงเข้าสู่ภาวะถดถอยปีนี้ แต่จะรุนแรงแค่ไหนจะขึ้นอยู่กับความสามารถของนโยบายเป็นสำคัญ โดยเฉพาะนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ
เศรษฐกิจโลกขณะนี้ชะลอตัว นำโดยเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังชะลอจากผลของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น เศรษฐกิจยุโรป กำลังชะลอตัวจากผลของสงคราม อัตราเงินเฟ้อที่สูง และการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นและจีนกำลัง พยายามฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด ทั้งหมดคือกว่าร้อยละ 67 ของการผลิตโลก เป็นหัวรถจักรที่กำหนดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ปีนี้มีความเสี่ยงสำคัญ 3 เรื่องที่จะทำให้การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่กำลังเกิดขึ้นเปลี่ยนเป็นภาวะถดถอย คือเศรษฐกิจขยายตัวติดลบ
ความเสี่ยงที่ 1) การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ ที่จะทำต่อในปีนี้ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว เพราะต้องการลดอัตราเงินเฟ้อลงอีกแม้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
ความเสี่ยงที่ 2) สงครามรัสเซียกับยูเครนที่ไม่จบ ยืดเยื้อ สร้างแรงกดดันต่อการผลิตอาหาร พลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ในเศรษฐกิจโลก
ความเสี่ยงที่ 3) การระบาดของโควิด-19 ที่อาจปะทุขึ้นอีกรอบจากการเปิดประเทศของจีน ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
นี่คือจุดอ่อนไหวสามจุด เป็น known unknowns ที่จะนำเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความสามารถของนโยบายเป็นสำคัญ ซึ่งสำคัญสุดคือนโยบายการเงินสหรัฐว่าจะสามารถทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงโดยไม่ผลักให้เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยได้หรือไม่ รองลงมาคือความคืบหน้าในการแสวงหาทางออกเพื่อหยุดสงคราม ตามด้วยความสามารถของทางการจีนที่จะควบคุมการระบาดของโควิด-19
ล่าสุดไอเอ็มเอฟประเมินว่าปีนี้ประมาณหนึ่งในสามของเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ หรือรู้สึกว่าอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งผมเห็นด้วย
ข้อเท็จจริงที่สองภาวะเศรษฐกิจถดถอย จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และที่ต้องระวังมากคือผลต่อความสามารถในการ ชำระหนี้ของประเทศที่มีหนี้มาก ทั้งประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศอุตสาหกรรม ซึ่งถ้าแก้ปัญหาไม่ดี ก็อาจทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจการเงินในระดับประเทศ
นี่คือความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงินของประเทศ ถ้าประเทศมีหนี้ต่างประเทศมากและความสามารถในการชำระหนี้ของประเทศถูกกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอหรือไม่ขยายตัว เพราะรายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวถูกกระทบ อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินโลกที่สูงขึ้น เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า เกิดเงินทุนไหลออก และทุนสำรองทางการของประเทศลดลง นี่คือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นที่อาจทำให้ประเทศเกิดปัญหาเสถียรภาพเศรษฐกิจตามมา
ปีที่แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ได้วิเคราะห์ถึงสิบสองประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น อาร์เจนตินา ตูนิเซีย อียิปต์ ที่อ่อนไหวต่อการเกิดวิกฤติชำระหนี้ถ้าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเลวร้ายลง สำหรับประเทศอุตสาหกรรม เช่น อิตาลี ก็อยู่ในข่ายที่ต้องระวังเพราะมีหนี้สาธารณะสูงและหนี้จำนวน มากถือโดยนักลงทุนต่างประเทศ
ดังนั้น ปีนี้ถ้าเกิดวิกฤติการเงินขึ้นในประเทศตลาดเกิดใหม่หรือประเทศอุตสาหกรรมบางประเทศก็ต้องเข้าใจ ซึ่งวิกฤติน่าจะอยู่ในระดับประเทศ ไม่ลุกลาม เป็นวิกฤติระดับโลก ถ้าประเทศหลักไม่มีปัญหาและตลาดการเงินยังเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศหลัก
ข้อเท็จจริงที่สามเศรษฐกิจเราจะถูกกระทบเช่นกันจากภาวะถดถอยในเศรษฐกิจโลก และจะถูกกระทบมากเพราะเศรษฐกิจเราพึ่งต่างประเทศมาก ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนจากต่างประเทศ
ปัจจุบันต้องยอมรับว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของเราไม่เข้มแข็ง เพราะภายในประเทศคือคนส่วนใหญ่ไม่มีกำลังซื้อจากที่เศรษฐกิจไม่มีการลงทุนและขยายตัวในอัตราที่ต่ำมาตลอด การขยายตัวของเศรษฐกิจที่ผ่านมาจึงพึ่งการส่งออก การท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของภาครัฐมาก เห็นได้ชัดเจนปีที่แล้วที่การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว นักท่องเที่ยวกลับมา เศรษฐกิจก็ดูดีขึ้นทันตา
ปีนี้ถ้าเศรษฐกิจโลกถดถอย การส่งออก และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่ทุกฝ่ายตั้งความหวังไว้ก็จะมีข้อจำกัด กระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจ ไม่สดใสอย่างที่หวัง ที่สำคัญ การใช้จ่ายของภาครัฐที่เคยถูกใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะมีข้อจำกัดจากระดับหนี้ภาครัฐที่ขณะนี้สูงชนเพดานการก่อหนี้ตามกฎหมายแล้ว ไม่มีพื้นที่ให้ภาครัฐใช้กระตุ้นเศรษฐกิจอีก
นอกจากนี้ ถ้าการเมืองปีนี้ไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างประเทศได้ในแง่คุณภาพของนโยบายเศรษฐกิจ การลงทุน ทางตรงจากต่างประเทศก็จะไม่กลับมา ทำให้ข้อจำกัดต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้จะมีในเกือบทุกมิติ
นี่คือสามข้อเท็จจริงที่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้น ให้เข้าใจภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ขณะนี้ และจากข้อมูลนี้เราจะสามารถวิเคราะห์สิ่งที่จะเกิดขึ้นปีนี้ได้อย่างมีหลัก และมีเหตุมีผล
คอลัมน์ เศรษฐศาสตร์บัณฑิต:
บัณฑิต นิจถาวร
ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล
[email protected]
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

REVIEW OVERVIEW

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_imgspot_imgspot_imgspot_img
[td_block_1 custom_title="Review Brokers" limit="4" f_header_font_transform="uppercase" ajax_pagination="next_prev" m4_el="10" category_id="101" sort="oldest_posts"][td_block_1 custom_title="Last Post" limit="4" f_header_font_transform="uppercase" ajax_pagination="next_prev" m4_el="10"]