นักลงทุนเฟดคงนโยบายการเงินเข้มงวดนานขึ้น: เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในวันจันทร์ (13 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงนโยบายการเงินที่เข้มงวดนานขึ้น ในขณะที่รอรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ
ขณะที่เงินเยนร่วงลง โดยรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมเสนอชื่อผู้สมัครที่สนับสนุนเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางคนใหม่ในวันอังคาร (14 ก.พ.)
ดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่อ่อนไหวต่อความเสี่ยงอ่อนตัวลงพร้อมกับตลาดหุ้นเอเชีย เนื่องจากความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นของสหรัฐจะขัดขวางการเติบโต สเตอร์ลิงก็ดิ่งลงเช่นกัน
ชินิจิโร คาโดตะ FX อาวุโสกล่าว นักยุทธศาสตร์ที่บาร์เคลย์ในโตเกียว “เงินดอลลาร์ได้รับการสนับสนุนอย่างดีเนื่องจากข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้เมื่อต้นเดือนนี้ และความคิดเห็นของเฟดก็เอนเอียงไปทางชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น แต่แน่นอนว่าจุดสนใจคือ CPI ของวันพรุ่งนี้ “ผมคิดว่าตลาดกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงขาขึ้นต่ออัตราเงินเฟ้อมากกว่าความเสี่ยงขาลง”
โดยการสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มเงินเฟ้อหนึ่งปีอยู่ที่ 4.2% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขสุดท้ายในเดือนมกราคม ซึ่งนายเจอโรม เพาเวล ประธานเฟด ได้อ้างถึงผลสำรวจของรัฐมิชิแกนว่าเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่ธนาคารกลางสหรัฐติดตาม
ตลาดเงินอยู่ในตำแหน่งสูงสุดในอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่ต่ำกว่า 5.2% ในช่วงเดือนกรกฎาคม เทียบกับอัตราเป้าหมายปัจจุบันที่ 4.5-4.75%
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งใช้วัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับสกุลเงิน 6 สกุล ได้แก่ เยน ยูโร และสเตอร์ลิง เพิ่มขึ้น 0.068% สู่ระดับ 103.65 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเมื่อวันอังคารที่ 103.96 ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม สกุลเงินสหรัฐพุ่งขึ้น 0.6% แตะระดับสูงสุดที่ 132.20 เยน
เงินยูโรอ่อนค่าลง 0.09% เป็น 1.06685 ดอลลาร์ และก่อนหน้านี้แตะ 1.0656 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม สเตอร์ลิงซื้อขายครั้งสุดท้ายที่ 1.20475 ดอลลาร์ ลดลง 0.1% ในวันเดียวกัน
Source: การเงินธนาคาร